ข้ามไปที่เนื้อหา
Keep Me Aspiring
จัดส่งฟรี เมื่อสั่งตั้งแต่ 250 บาท ขึ้นไป

เคล็ดลับความงาม

5 Reasons You Need a Cleansing Balm The Makeup Remover Every Beauty Lover Should Have

5 เหตุผล ทำไมต้องใช้คลีนซิ่งบาล์ม? ตัวช่วยล้างเมคอัพที่สายแต่งหน้าต้องมี

คลีนซิ่งบาล์ม (Cleansing Balm) กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากโดยเฉพาะในกลุ่ม Gen Y-Z ที่ต้องการสกินแคร์ที่ สะอาด อ่อนโยน ใช้ง่าย และเห็นผลจริง แต่คำถามคือ… ทำไมคลีนซิ่งบาล์มถึงดีกว่าคลีนซิ่งแบบอื่น? และ เหมาะกับผิวแบบไหน? บทความนี้จะพาไปดู 5 เหตุผลที่ทำให้คลีนซิ่งบาล์มกลายเป็น Must-Have สำหรับคนที่แต่งหน้า หรือทากันแดดทุกวัน รวมถึงแนะนำคลีนซิ่งบาล์มที่ตอบโจทย์คนผิวแพ้ง่ายแบบสุด ๆ 1. คลีนซิ่งบาล์มละลายเมคอัพหนักได้ดีกว่าจริง หนึ่งในเหตุผลอันดับต้น ๆ ที่หลายคนเปลี่ยนมาใช้ คลีนซิ่งบาล์ม เพราะเนื้อบาล์มมี “น้ำมัน” ที่เข้ากับโครงสร้างของเมคอัพได้ดี จึงสามารถดึงคราบเครื่องสำอางออกได้เร็วกว่าแบบอื่น จุดเด่นที่เหนือกว่า: ละลายรองพื้นกันน้ำและเมคอัพแน่นได้ไว ลิปแมตต์ติดทนก็ออกง่าย ไม่ต้องถูแรง ไม่ทำร้ายผิว ลดการใช้สำลี ช่วยลดการเสียดสีบนผิว เหมาะมากสำหรับคนที่แต่งหน้าหนัก หรือใช้เมคอัพสูตร Long-wear เป็นประจำ 2. อ่อนโยนต่อผิวแพ้ง่าย ไม่ทำร้าย Skin Barrier หลายคนอาจไม่รู้ว่า สกินแบร์ริเออร์ (Skin Barrier) คือด่านสำคัญที่ทำให้ผิวแข็งแรง และคลีนซิ่งบางชนิดทำให้ผิวพังได้ง่ายเพราะมีแอลกอฮอล์หรือสารทำความสะอาดแรง ๆ แต่ คลีนซิ่งบาล์มส่วนใหญ่ไม่มีแอลกอฮอล์ และมีสูตรที่ช่วยรักษาความชุ่มชื้นของผิว จุดเด่นด้านความอ่อนโยน: ไม่ทำให้ผิวแห้งตึง ลดการระคายเคือง ช่วยถนอม Skin Barrier ลดโอกาสเกิดสิวอุดตันระยะยาว เหมาะกับผิวแพ้ง่าย ผิวแห้ง ผิวอักเสบง่าย และคนที่ล้างหน้าบ่อย 3. เติมความชุ่มชื้นตั้งแต่ขั้นตอนแรกของการล้างหน้า นี่คือข้อดีที่หลายคนไม่รู้ คลีนซิ่งบาล์มล้างแล้วผิวจะนุ่ม ชุ่ม ไม่แห้งตึง เหมือนมีมอยส์เจอร์เคลือบผิวไว้ทันที เมื่อเทียบกับคลีนซิ่งวอเตอร์หรือโฟมล้างหน้า: ไม่ดึงน้ำออกจากผิว ลดความรู้สึกแห้งหลังล้าง เหมาะกับผิวแห้งและผิวขาดน้ำมาก ๆ สำหรับสายแต่งหน้าทุกวัน บาล์มคือ “สเต็ปกู้ผิว” ที่ช่วยเติมน้ำให้ผิวไปในตัว 4. เหมาะมากสำหรับคนที่ทำ Double Cleansing สำหรับคนที่ทากันแดดหรือแต่งหน้าทุกวัน ขั้นตอน Double Cleansing ถือว่าสำคัญมาก เพราะการล้างหน้า 1 ครั้งมักไม่พอ การล้าง 2 ขั้นตอนควรเป็นแบบนี้: 1️⃣ คลีนซิ่งบาล์ม – ดึงเมคอัพ ครีมกันแดด และความมัน 2️⃣ โฟมล้างหน้า – เคลียร์สิ่งสกปรกที่เหลือบนผิวและรูขุมขน การล้างแบบนี้ช่วยลดการอุดตันได้ดีมาก ทำให้สิวขึ้นน้อยลงและผิวสะอาดลึกขึ้นอย่างเห็นผล 5. ใช้ง่าย พกสะดวก ไม่หกไม่เลอะเหมือนคลีนซิ่งออยล์ ข้อดีของ Cleansing Balm ที่ทุกคนรักคือ “ใช้ง่ายและไม่เลอะ” เพราะเนื้อบาล์มเป็นของแข็งในกระปุก พกเดินทางได้โดยไม่ต้องกังวลว่าจะหก วิธีใช้ก็ง่ายมาก: แต้มลงบนผิวแห้ง นวดจนเนื้อบาล์มละลายเป็นน้ำมัน เติมน้ำจนเป็นเนื้อน้ำนม ล้างออกได้ทันที เหมาะสำหรับคนที่ต้องการความคลีน + สะดวก + ไม่วุ่นวาย แล้วคลีนซิ่งบาล์มแบบไหนที่ควรใช้? ถ้าคุณกำลังมองหา คลีนซิ่งบาล์มล้างเมคอัพเกลี้ยง อ่อนโยน และเหมาะสำหรับผิวทุกแบบ ขอแนะนำตัวนี้ KMA BASE Melting Balm KMA BASE Melting Balm จุดเด่นที่ทำให้หลายคนยกให้เป็น “บาล์มล้างหน้าที่ดีที่สุดตัวหนึ่ง” ละลายเมคอัพกันน้ำได้เร็วมาก รองพื้นแน่น ลิปติดทน มาสคาร่ากันน้ำ ก็ล้างออกง่าย ไม่ต้องถูแรง ผิวนุ่ม ชุ่ม หลังล้าง ไม่แห้ง ไม่ตึง มีส่วนผสมที่ช่วยล็อกความชุ่มชื้น ทำให้ผิวดูฟูทันทีหลังใช้ อ่อนโยนกับผิวแพ้ง่าย ปราศจาก ALCOHOL • PARABEN • MINERAL OIL • SILICONE • COLORANT ไม่ทำลาย Skin Barrier ล้างออกง่าย ไม่แสบตา เนื้อบาล์มแตกตัวเป็น “น้ำนม” เมื่อโดนน้ำ ทำให้ล้างเมคอัพได้ล้ำลึกโดยไม่ทิ้งคราบมัน ✔ อัดแน่นด้วยสารสกัดปลอบประโลมผิว สารสกัดพืชสีชมพู → ชุ่มชื้น นุ่มเด้ง ว่านหางจระเข้ → ลดการระคายเคือง น้ำมันอัลมอนด์ → ป้องกันริ้วรอยก่อนวัย น้ำมันเมล็ดราสเบอร์รี่ → ผิวเปล่งปลั่ง สารสกัดชาเขียว → ต้านริ้วรอยและปลอบประโลม เหมาะกับใคร? สายแต่งหน้าทุกวัน คนผิวแพ้ง่าย คนที่ผิวแห้ง/ขาดน้ำ คนที่อยากล้างหน้าแบบสะอาดลึก แต่ไม่ทำร้ายผิว คนที่ต้องการคลีนซิ่งบาล์มที่ “ไม่แสบตาและไม่เหนอะ” ✨ สรุป: ทำไม “คลีนซิ่งบาล์ม” ควรอยู่ในทุกโต๊ะเครื่องแป้ง? เพราะมันคือคลีนซิ่งที่ สะอาดที่สุด อ่อนโยนที่สุด และช่วยดูแลผิวได้ตั้งแต่ขั้นตอนแรก โดยเฉพาะคนที่แต่งหน้าหรือทากันแดดทุกวัน การใช้ Cleansing Balm คือจุดเริ่มต้นของผิวที่ดีในระยะยาว และถ้าคุณกำลังหาตัวที่ ล้างสะอาด + ผิวนุ่ม + ใช้ง่าย + ปลอดภัยสำหรับผิวแพ้ง่ายKMA BASE Melting Balm คือคำตอบที่ใช่สำหรับคุณ

อ่านต่อ >>
The Lit Glit Collection from KMA: A New Dimension in Flawless, 2-in-1 Glowing Skin!

Lit Glit Collection จาก KMA มิติใหม่แห่งงานผิวโกลว์สวยสับแบบ 2-in-1!

ยุคนี้เมคอัพต้องไม่ใช่แค่การปกปิด แต่ต้องเป็นการบำรุงผิวและเพิ่มมิติให้ลุคดูสวยสับแบบไม่ต้องพยายาม! KMA Lit Glit Collection คือคอลเลกชันที่ตอบโจทย์เทรนด์นี้อย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยการนำเสนอ 2 ผลิตภัณฑ์หลักที่ปฏิวัติขั้นตอนการแต่งหน้า ให้คุณสร้างลุคผิวโกลว์และเรียวปากที่สวยคมชัดได้อย่างง่ายดาย 1. KMA Lit Glit Liquid Blush แก้มโกลว์ฉ่ำ สวยระเรื่อมีชีวิตชีวา บลัชออนเนื้อลิควิดที่มาพร้อมความว้าวแบบ 2-in-1 คือทั้งเมคอัพและสกินแคร์ในขวดเดียว 🔥 คุณสมบัติที่ทำให้บลัชนี้ "Lit"! เนื้อสัมผัสบางเบา เกลี่ยง่าย เนื้อลิควิดนุ่มนวล ไม่เป็นคราบ ไม่ตกร่อง ให้สีระเรื่อกลืนไปกับผิวอย่างเป็นธรรมชาติ ติดทนนาน + สู้แดด ด้วยคุณสมบัติที่พัฒนามาให้ ติดทนนาน แม้ในสภาพอากาศร้อนชื้น ทำให้ผิวดูโกลว์ใสไม่ดรอป พลังบำรุงเข้มข้น อัดแน่นด้วยสารบำรุงผิวสำคัญ ทั้ง Hyaluronic 8 molecules ที่เติมความชุ่มชื้น, Niacinamide ที่ปรับผิวให้กระจ่างใส และ Squalane ที่ช่วยให้ผิวเรียบเนียนสุขภาพดี เฉดสีขับผิว ออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน มีเฉดสีทั้งโทนชมพู (Cool Tone) พีช/ส้ม (Warm Tone) และนู้ด/แดง (Neutral Tone) ให้เลือกแมตช์หรือผสมกันได้อย่างลงตัว ช้อปสินค้า KMA Lit Glit Liquid Blush 2. KMA LIT GLIT LIP LINER ลิปไลเนอร์ 2-in-1 ตัวจบงานปากสวย นี่คือกุญแจสำคัญในการแก้ปัญหาขอบปากคล้ำและสีลิปเพี้ยน ที่มาพร้อมแปรงเบลนด์ในตัวสุดสะดวก 🔑 ฟีเจอร์ที่ทำให้ลุคปากสมบูรณ์แบบ กลบริมฝีปากคล้ำได้แนบสนิท เนื้อสีแน่นมาก ช่วยปรับสีพื้นริมฝีปากให้เรียบเนียนสม่ำเสมอกันก่อนลงสีจริง ทำให้สีลิปสติกสวยตรงปก ไม่เพี้ยน เบลอขอบปากให้ฟุ้งละมุน ด้วยเนื้อสัมผัสที่นุ่มและแปรงเบลนด์ในตัว ช่วยให้การวาดและเบลนด์ขอบปากเป็นเรื่องง่าย ให้ผลลัพธ์แบบ Soft Blended Look สวยละมุน เทคโนโลยี Film Former เสริมความ ติดทนนาน ทนน้ำ ทนเหงื่อ ทำให้ลิปสติกเกาะผิวได้ดี ไม่แยกชั้น และปากดูสวยเป๊ะตลอดวัน บำรุงริมฝีปาก มีส่วนผสมของ Vitamin E ที่ช่วยปกป้องริมฝีปาก และ Caprylic/Capric Triglyceride ที่เพิ่มความชุ่มชื้น ให้ปากนุ่มไม่แห้งแตก ช้อปสินค้า KMA LIT GLIT LIP LINER สร้างสรรค์ลุค Lit Glit สวยสับในสไตล์คุณ KMA Lit Glit Collection จึงเป็นมากกว่าเครื่องสำอาง แต่เป็นตัวช่วยอัปเกรดผิวและเรียวปากให้ดูสุขภาพดี มีมิติ และ ติดทนนาน ตลอดวัน ไม่ว่าคุณจะเลือกเฉดสีไหนในคอลเลกชันนี้ ก็มั่นใจได้ว่าจะช่วยขับผิวของคุณให้ดูสวย โกลว์ และมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน!

อ่านต่อ >>
Flawless and Seamless! A Guide to Choosing the KMA Water Resist Foundation 6 Shades for Thai Skin Undertones

เป๊ะปังไม่โป๊ะ! คู่มือเลือก เฉดสีรองพื้น KMA Water Resist 6 เฉด ให้เข้ากับอันเดอร์โทนผิวคนไทย

รองพื้น KMA Water Resist Liquid Foundation เป็นที่รู้กันดีว่ามีคุณสมบัติเด่นเรื่อง กันน้ำกันเหงื่อ และ คุมมัน ได้ดีเยี่ยม เหมาะสำหรับสภาพอากาศร้อนชื้นของประเทศไทย แต่เพื่อให้ผิวสวยสมบูรณ์แบบที่สุด การเลือก เฉดสีรองพื้น ให้ตรงกับผิวจริงเป็นสิ่งที่มองข้ามไม่ได้ KMA เข้าใจความหลากหลายของสีผิวคนไทย จึงได้ออกแบบมาถึง 6 เฉดสีหลัก ตั้งแต่ผิวขาวอมชมพูไปจนถึงผิวสีน้ำผึ้ง KMA Water Resist เหมาะกับผิวแบบไหน? และใช้สถานการณ์ใด? รองพื้นรุ่นนี้ถูกคิดค้นมาเพื่อตอบโจทย์สภาพผิวและอากาศของคนไทยโดยเฉพาะ ด้วยคุณสมบัติหลักที่เน้นการปกปิดและติดทน: เหมาะกับสภาพผิว ผิวมัน/ผิวผสม: เหมาะสมที่สุด เพราะสูตรเน้นการ คุมมัน ได้ดีเยี่ยม (สูงสุด 12 ชม.) และให้ฟินิชแบบ ซอฟต์แมตต์ (Soft Matte) ทำให้เมคอัพไม่ไหลเยิ้ม ผิวธรรมดา: สามารถใช้ได้ดี ให้ผิวที่สวยเป๊ะและติดทน แต่ควรบำรุงผิวตามปกติ ผิวแห้ง: หากต้องการใช้ ควรเน้นการเตรียมผิวด้วยมอยส์เจอไรเซอร์และไพรเมอร์สูตรชุ่มชื้นเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันไม่ให้เนื้อรองพื้นเกาะเป็นคราบหรือตกร่อง ก่อนเลือก เช็ค "อันเดอร์โทน" (Undertone) ให้ชัวร์! 💡  การรู้โทนสีใต้ผิวจะช่วยให้คุณเลือกสีรองพื้นที่กลมกลืน ไม่ดูเทาหรือเหลืองเกินไป: Cool (โทนเย็น/อมชมพู): เส้นเลือดบริเวณข้อมือมักเป็นสี น้ำเงิน/ม่วง Warm (โทนอุ่น/อมเหลือง): เส้นเลือดบริเวณข้อมือมักเป็นสี เขียว Neutral (โทนกลาง): เส้นเลือดออกสี เขียวแกมน้ำเงิน สามารถใช้ได้ทั้งรองพื้นโทนชมพูและโทนเหลือง คู่มือ 6 เฉดสีรองพื้น KMA Water Resist 00: Porcelain คำอธิบายเฉดสี: ผิวขาวสว่างที่สุด เหมาะสำหรับผิว/อันเดอร์โทน: ผิวขาวมาก โทนเย็น (อมชมพู) 01: Vanilla คำอธิบายเฉดสี: ผิวขาวธรรมชาติ เหมาะสำหรับผิว/อันเดอร์โทน: ผิวขาวทั่วไป โทนกลาง (Neutral) ถึงโทนอุ่น (ธรรมชาติ) 02: Nude คำอธิบายเฉดสี: ผิวขาวเหลือง เหมาะสำหรับผิว/อันเดอร์โทน: ผิวขาว แต่มีอันเดอร์โทนเหลืองชัดเจน 04: Natural Beige คำอธิบายเฉดสี: ผิวธรรมชาติโทนเหลือง เหมาะสำหรับผิว/อันเดอร์โทน: ผิวสีเนื้อทั่วไปของคนไทย โทนอุ่น 06: Warm Sand คำอธิบายเฉดสี: ผิวสองสี เหมาะสำหรับผิว/อันเดอร์โทน: ผิวที่มีความเข้มขึ้นมาอีกระดับ มีความอบอุ่น 07: Soft Tan คำอธิบายเฉดสี: ผิวสีน้ำผึ้ง เหมาะสำหรับผิว/อันเดอร์โทน: ผิวสีเข้ม หรือผิวแทน โทนอุ่นเข้ม เทคนิคเลือกเฉดสีให้ "เป๊ะ" ไม่หน้าลอย ทดสอบที่แนวกราม: วิธีที่ดีที่สุดคือการป้าย เฉดสีรองพื้น ที่คุณคิดว่าใกล้เคียง 2-3 สี ลงบนบริเวณแนวกราม (ระหว่างใบหน้ากับลำคอ) รอให้เซ็ตตัว: รองพื้นสูตร คุมมัน มักมีโอกาสสีดรอป (Oxidize) เล็กน้อยเมื่อทำปฏิกิริยากับน้ำมันบนผิว ควรทิ้งไว้ 10-15 นาที แล้วสังเกตสีอีกครั้ง สีที่ถูกต้องคือ สีที่กลืนไปกับสีผิวที่คอของคุณได้มากที่สุด นั่นแหละคือสีรองพื้นที่ ติดทน และทำให้ผิวคุณดูสวยเป็นธรรมชาติ ด้วย 6 เฉดสีรองพื้น ที่ออกแบบมาอย่างพิถีพิถันนี้ รับรองว่าคุณจะสามารถเลือก KMA Water Resist Liquid Foundation ให้ตรงกับผิวของคุณได้อย่างแน่นอน เพื่อผิวสวยเป๊ะ ท้าแดด ท้าเหงื่อ ตลอดวัน

อ่านต่อ >>
Flawless Skin, No Matter Your Type! KMA Offers Setting Powders Tailored to Your Desired Finish

ผิวไหนก็เป๊ะ! KMA มี "แป้งเซ็ตผิว" ให้เลือกตามฟินิชที่ต้องการ

หลังจากที่เราเมาท์เรื่องรองพื้นไปแล้ว ขั้นตอนสำคัญที่ห้ามพลาดเลยนะ คือการเซ็ตเมคอัพด้วยแป้งฝุ่น! เพราะถ้าลงรองพื้นดีแค่ไหน แต่เซ็ตไม่ดี หน้าก็เยิ้มเป็นคราบอยู่ดี! KMA เค้าก็คือรู้ใจเรามาก ออกแป้งฝุ่นมา 3 ตัวเด็ด ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของผิวเลยนะ มาดูกันว่าตัวไหนเกิดมาเพื่อผิวเรา! 👇 1. KMA  Loose Powder : ตัวแม่สาย คุมมัน ล็อกรองพื้นอยู่ทั้งวัน! 🔒 นี่คือตัวตายตัวแทนของชาว ผิวมัน เลยนะ! ถ้าผิวมันง่าย เหงื่อเยอะ ต้องตำตัวนี้! เน้นไปที่: การ คุมมัน และทำให้รองพื้น ติดทน ยาวนานแบบที่ช่างแต่งหน้าเลิฟ! ทำไมต้องมี: นางเป็น แป้งฝุ่นโปร่งแสง ที่เนื้อเบามาก แต่พลังดูดซับน้ำมันคือที่หนึ่ง! เพราะมีส่วนผสมของ Silica ที่ช่วยซับความมันส่วนเกินได้แบบหมดจด ทำให้ผิวดู แมตต์ เนียนใส เหมาะกับ: ผิวมัน และ ผิวผสม ที่ต้องการการเซ็ตผิวแบบจริงจัง ห้ามเยิ้ม ห้ามดรอป! Link สินค้า : Loose Powder 2. KMA Light Setting Powder: ผิวใส เบาใส ฟีลลิ่งผิวดีตั้งแต่เกิด! ✨ ตัวนี้เหมาะสำหรับวันที่อยากได้งานผิวสวยๆ ที่ดูเป็นธรรมชาติ ได้ความโกล์ว  ไม่หนักหน้ามาก เน้นไปที่: ผิวสวย เบาใส ดูเหมือนไม่ได้ทา แต่หน้าเนียนกริบ! ทำไมต้องมี: แป้งตัวนี้เค้ามีเทคโนโลยีช่วยกระจายแสง ทำให้ผิวดูสว่างใส มีมิติแบบมีออร่า! ฟินิชจะดู ละมุน เป็นธรรมชาติมาก แต่ก็ยังช่วย คุมมัน ได้ เหมาะกับ: ผิวธรรมดา หรือคนที่แต่งหน้า everyday look ที่เน้นความเบาสบายและกระจ่างใส Link สินค้า : Light Setting Powder 3. KMA  Transparent Loose Powder: เนียนเบลอรูขุมขน ผิวฟูดูเด้งทันตา! 🍑 ตัวนี้คือเพื่อนซี้ของคนที่กังวลเรื่องรูขุมขนและความไม่สม่ำเสมอของสีผิว เน้นไปที่: เนียนเบลอรูขุมขน และปรับสีผิวให้ดูสม่ำเสมอขึ้น ทำไมต้องมี: เป็นแป้งฝุ่นที่มีเฉดสีให้เลือกตามโทนผิวด้วยนะ! เนื้อเค้าจะช่วย เบลอรูขุมขน ได้ดีมาก ทำให้ผิวดูเรียบเนียนละเอียด และมีความนุ่มนวล ใครอยากผิวดู ฟูขึ้นทันตา ต้องลองตัวนี้เลย เหมาะกับ: ทุกสภาพผิว ที่ต้องการให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น และต้องการให้แป้งช่วยปรับสีผิวให้เป๊ะขึ้น Link สินค้า : Transparent Loose Powder สรุปง่ายๆ คือไม่ว่าจะสาย คุมมัน แบบตัวแม่ (Loose Powder) หรือสายงานผิวใสๆ (Light) หรือสายที่อยาก เนียนเบลอรูขุมขน ( Transparent) KMA เค้าก็มีตัวเลือกให้ ล็อกเมคอัพติดทน ตามที่ใจเราต้องการเลยนะ!

อ่านต่อ >>
How to Choose Oil-Control Foundation for a Flawless, Shine-Free Finish That Lasts All Day!

เลือก รองพื้นคุมมัน ยังไงให้หน้าเป๊ะปัง ไม่เยิ้มระหว่างวัน!

ใครที่มีปัญหา ผิวมัน แบบเราๆ นี่คือเข้าใจเลยนะว่าการแต่งหน้ามันท้าทายเบอร์ไหน! พอเจออากาศร้อนหรือผ่านไปสักพัก หน้าก็จะเริ่มผลิตน้ำมันออกมาเยอะมาก ทำให้รองพื้นหลุดลอก สีดรอป และเป็นคราบได้ง่ายมาก ดังนั้นเวลาเลือก รองพื้นสำหรับผิวมัน มันไม่ใช่แค่ดูสีให้เข้ากับผิวอย่างเดียว แต่ต้องเน้น สูตร และ ฟินิช เป็นพิเศษเลยนะ เพื่อให้ผิวเราดูสวย แมตต์ และเมคอัพ ติดทน ตลอดวัน! 1. สูตรต้องรอด! (Formula) เน้นว่า "ไม่มีน้ำมัน" เท่านั้น! 🙅 สำหรับเพื่อน ผิวมัน อย่างเรา สิ่งแรกที่ต้องเช็คให้ชัวร์คือต้องมีคำว่า "Oil-Free" และ "Non-Comedogenic" ติดอยู่ข้างขวดเลยนะ Oil-Free (ปราศจากน้ำมัน): ก็แน่ล่ะ! ถ้าเราใช้รองพื้นที่มีน้ำมัน มันก็เหมือนเติมน้ำมันเพิ่มให้ผิวตัวเอง หน้าก็จะเยิ้มและหลุดเร็วกว่าเดิมมาก ดังนั้นสูตรที่ไม่มีน้ำมันนี่แหละคือพระเอก! Non-Comedogenic (ไม่อุดตัน): ผิวมันมันชอบเป็นสิวง่ายอยู่แล้วไง ถ้าเลือกแบบไม่อุดตันรูขุมขนก็จะช่วยลดปัญหาเรื่องสิวอุดตันได้เยอะเลย 2. ฟินิช (Finish) ที่ใช่ "แมตต์" คือคำตอบสุดท้าย! 💯 ฟินิชคือผิวที่เราจะได้หลังจากลงรองพื้นเสร็จ ซึ่งสำหรับ รองพื้นสำหรับผิวมัน ต้องพุ่งไปที่ Matte Finish เลย! เพราะมันจะทำให้ผิวดูด้าน ไม่มีความวาว ช่วยคุมมันได้แบบยาวนานมาก หรือถ้าไม่ชอบแบบแมตต์แห้งสนิท จะเลือก Semi-Matte/Natural Finish ก็ได้นะ 🚨 คำเตือนเพื่อนสาว: เลี่ยงพวกสูตร Dewy หรือ Hydrating ไปเลยนะ! มันจะยิ่งทำให้หน้าดูฉ่ำวาวเกินเบอร์และเยิ้มเร็วกว่าเดิมอีก 3. ส่วนผสมลับที่ช่วย "คุมมัน" 🪄 เวลาเลือก รองพื้นคุมมัน ลองพลิกดูส่วนผสมที่ช่วยดูดซับความมันหน่อย อย่างเช่น Silica (ซิลิก้า) หรือ Clay (ดินขาว) พวกนี้จะเป็นตัวช่วยสำคัญในการดูดซับน้ำมันส่วนเกิน ทำให้หน้าเราเนียนกริ๊บ! 4. รูปแบบรองพื้นที่เราคู่ควร 👯 Liquid Foundation สูตร Matte: ตัวนี้ฮิตสุด เพราะเกลี่ยง่าย และเลือกความปกปิดได้ตามใจชอบ Powder Foundation (รองพื้นชนิดแป้ง): ถ้าวันไหนรีบๆ อยากได้เบาๆ แต่ยัง คุมมัน ได้ดี ตัวนี้ตอบโจทย์! 5. ตัวอย่างที่เราเลิฟ! 👇 ถ้ากำลังมองหา รองพื้นคุมมัน ที่ราคาน่ารักและไว้ใจได้ ลองดู KMA Water Resist Liquid Foundation เลยนะ! นางเป็นรองพื้นสูตรกันน้ำกันเหงื่อ ซึ่งเหมาะกับอากาศบ้านเรามาก ช่วยให้ผิว แมตต์ ติดทน ไม่เป็นคราบระหว่างวัน เลิศ! 6. ทริคเตรียมผิว ยิ่งเตรียมดี ยิ่ง "ติดทน" นานนนน! ⏳ แม้ว่ารองพื้นจะดีแค่ไหน การเตรียมผิวก็สำคัญมากนะ! ใช้ไพรเมอร์คุมมัน: ก่อนลงรองพื้น ให้ลงไพรเมอร์คุมมันหรือเบลอรูขุมขนก่อนเลย แนะนำ KMA Secret Poreless Skin Primer ตัวนี้คือช่วยอำพรางรูขุมขนได้ปังมาก! เซ็ตด้วยแป้ง: พอลงรองพื้นเสร็จ อย่าลืมเซ็ตด้วย แป้งฝุ่นโปร่งแสง! ใช้ KMA Transparent Loose Powder กดทับเบาๆ เน้น T-Zone นะ จะช่วย ล็อกรองพื้นติดทน ไม่ให้ไหลเยิ้มได้ตลอดทั้งวันเลย การเลือก รองพื้นคุมมัน ที่ถูกต้องจะช่วยให้เรามีผิว แมตต์ สวยเป๊ะ ไม่ต้องคอยซับหน้าบ่อยๆ แล้ว! สู้ๆ นะเพื่อน! 🥰

อ่านต่อ >>
Don’t Wait Until Your Skin Is Damaged to Realize How Important Sunscreen Is

อย่ารอให้ผิวเสียก่อนจะรู้ว่ากันแดดสำคัญแค่ไหน

อย่ารอให้ผิวเสียก่อนจะรู้ว่ากันแดดสำคัญแค่ไหน เพราะแสงแดดไม่ได้ทำร้ายแค่ผิวที่เห็น...แต่ทำร้ายถึงชั้นในโดยที่คุณไม่รู้ตัว! ไม่ว่าคุณจะอยู่กลางแจ้ง หรืออยู่ในออฟฟิศติดแอร์ทั้งวัน “รังสีและแสงจากสิ่งรอบตัว” ก็ยังส่งผลกับผิวเราได้ทุกวินาที และนี่คือเหตุผลว่าทำไม “ครีมกันแดด” ถึงเป็นไอเท็มที่ขาดไม่ได้ในทุกเช้า 🌤️ 1. แสงแดดคือศัตรูตัวฉกาจของผิวสวย ในแสงแดดมีรังสีหลายชนิดที่มองไม่เห็น แต่ทำร้ายผิวได้จริง รังสี UVA → ทำให้ผิวแก่ก่อนวัย ริ้วรอยถามหา รังสี UVB → ทำให้ผิวไหม้ แดง ลอก รังสีอินฟราเรด (IR) → ทำให้คอลลาเจนเสื่อม ผิวหย่อนคล้อย แสงสีฟ้า (Blue Light) จากมือถือหรือคอมพิวเตอร์ → ตัวการทำให้ผิวหมองและเกิดจุดด่างดำ 🧴 ครีมกันแดดที่ดี จึงต้องป้องกันได้ครบทั้ง 3 กลไกนี้ ไม่ใช่แค่ UV เท่านั้น 2. ครีมกันแดดไม่ใช่แค่ “ป้องกัน” แต่ยัง “ฟื้นฟูผิว” ได้ กันแดดสมัยนี้ไม่ได้มีแค่สารกันแดด แต่ยังมีส่วนผสมที่ช่วย “ดูแลและบำรุงผิว” ในระหว่างวันด้วย อย่างเช่น กันแดดเนื้อเจลเบสน้ำ SPF50+ PA++++ จาก KMA ที่มาพร้อมกับส่วนผสมบำรุงระดับสกินแคร์: Hyaluronic Acid เติมความชุ่มชื้น ให้ผิวอิ่มน้ำ ฉ่ำใส Elastosome Whitening Complex ผสาน Vitamin B3, C, E และ Alpha - Arbutin → ช่วยให้ผิวแลดูกระจ่างใส ลดความหมองคล้ำจากแสงแดด เพราะทุกครั้งที่คุณ “ทากันแดด” ก็คือการ “บำรุงผิว” ไปด้วยในตัว 3. SPF และ PA คืออะไร? หลายคนเห็นตัวเลขเหล่านี้บนหลอดกันแดด แต่ไม่รู้ว่ามันหมายถึงอะไร SPF 50+ → ป้องกันรังสี UVB ได้สูงสุด (ผิวไม่ไหม้ แดง หรือคล้ำ) PA++++ → ป้องกันรังสี UVA ได้ดีที่สุด (ช่วยลดโอกาสเกิดริ้วรอย) กันแดด KMA รุ่นนี้มีทั้งสองอย่างในระดับสูงสุด จึงสามารถป้องกันผิวจากแสงแดดแรง ๆ ในเมืองไทยได้อย่างมั่นใจทุกวัน 4. เพราะแสงไม่ได้มาจากแดดเท่านั้น คุณรู้ไหมว่า...แสงสีฟ้าจากหน้าจอมือถือ คอมพิวเตอร์ และหลอดไฟ ก็สามารถทำร้ายผิวได้เช่นกัน! โดยเฉพาะสาวออฟฟิศหรือคนที่อยู่ในห้องทั้งวัน ถึงจะไม่ออกแดด ก็ต้อง “ทากันแดดทุกเช้า” เพื่อป้องกันผิวหมองคล้ำและจุดด่างดำ และนี่คือจุดเด่นของ กันแดดเนื้อเจลเบสน้ำ SPF50+ PA++++ ที่สามารถปกป้องผิวจาก ☀️ UV, 💻 แสงสีฟ้า, และ 🌫️ มลภาวะ ครบในหลอดเดียว 5. กันแดดที่ดี...ควรเบาสบาย ไม่หนักผิว หลายคนเลิกใช้กันแดดเพราะ “เหนอะ มัน หนักหน้า” แต่สูตรนี้ต่างออกไป ด้วยเนื้อ เจลเบสน้ำ (Water-based Gel) ที่ซึมไว ให้สัมผัสสดชื่นทันทีที่ทา ไม่เหนียว ไม่เป็นคราบ และไม่ทำให้เมคอัพหลุด 💬 เหมาะสุด ๆ สำหรับอากาศร้อนแบบสาวไทย เพราะให้ความรู้สึก “เหมือนไม่ได้ทา” แต่ยังปกป้องครบทุกแสง 6. ทากันแดดยังไงให้ได้ผลสูงสุด เคล็ดลับง่าย ๆ ที่หลายคนมองข้ามคือ ทากันแดดก่อนออกแดด ประมาณ 20 นาที และอย่าลืม “ลำคอ” เพราะเป็นบริเวณที่มักโดนแดดมากที่สุด ✨ สรุป ครีมกันแดดไม่ใช่แค่สิ่งที่ “ควรมี” แต่เป็นสิ่งที่ “ขาดไม่ได้” เพราะมันคือเกราะป้องกันผิวจากศัตรูเงียบที่เรามองไม่เห็น แสงแดด แสงสีฟ้า และมลภาวะ กันแดดเนื้อเจลเบสน้ำ SPF50+ PA++++ จาก KMA จึงเป็นคำตอบของคนที่อยากให้ผิว ชุ่มชื้น กระจ่างใส ปลอดภัยจากแสงแดด เบาสบายตลอดวัน “ทุกวันคือแดดแรงวันหนึ่งในเมืองไทย อย่าลืมทากันแดด...เพื่อผิวสวยวันนี้ และสวยต่อไปในอนาคต”

อ่านต่อ >>