Skip to content
Keep Me Aspiring
Free Shipping on orders of 250 baht or more
เลือก "รองพื้น" ยังไงให้ตรงผิว 3 สิ่งที่มือใหม่ต้องรู้ก่อนตัดสินใจซื้อ

เลือก "รองพื้น" ยังไงให้ตรงผิว 3 สิ่งที่มือใหม่ต้องรู้ก่อนตัดสินใจซื้อ

รองพื้น (Foundation) คือฐานสำคัญที่สุดของการแต่งหน้า เป็นขั้นตอนที่กำหนดว่าผิวหน้าของคุณจะดูสม่ำเสมอ เรียบเนียน และสดใสตลอดวันหรือไม่ การเลือกรองพื้นผิดเฉด หรือผิดประเภท ไม่ได้เพียงแค่ทำให้ใบหน้าดูไม่เป็นธรรมชาติเท่านั้น แต่อาจทำให้หน้าหมองคล้ำระหว่างวัน หรือทำให้ผิวมีปัญหา เช่น เกิดสิวอุดตันได้ หากคุณอยากได้ "งานผิว" ที่สวยสมบูรณ์แบบ การเรียนรู้ 3 องค์ประกอบหลักในการเลือกซื้อคือสิ่งที่คุณต้องรู้

1. เข้าใจสภาพผิวและเลือก Finish ที่เหมาะสม (Know Your Skin Type & Finish)

ฟินิช (Finish) คือผลลัพธ์สุดท้ายของรองพื้นที่ปรากฏบนผิวหลังการทา รองพื้นที่ดีต้องทำงานร่วมกับสภาพผิวธรรมชาติของคุณ ไม่ใช่ต่อต้านมัน

A. สำหรับผิวมันและผิวผสม (Oily & Combination Skin)

ผู้ที่มีผิวมันมักมีปัญหาหน้าวาวในช่วงบ่ายและรองพื้นหลุดง่าย ควรเลือกรองพื้นที่ช่วยควบคุมความมันและยึดเกาะผิวได้ดี

ฟินิชที่แนะนำ: แมตต์ (Matte) หรือ ซอฟต์แมตต์ (Soft Matte)
จุดเด่น: สูตรเหล่านี้มักมีส่วนผสมที่ช่วยดูดซับน้ำมัน และช่วยอำพรางรูขุมขน ทำให้ผิวดูเรียบเนียนแบบกำมะหยี่ และช่วยให้เมคอัพอยู่ทนแม้ต้องเจอกับเหงื่อ
สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง: รองพื้นที่มีส่วนผสมของน้ำมัน (Oil-Based) หรือมีฟินิชแบบดิวอี้จัดๆ ซึ่งจะยิ่งทำให้ใบหน้าดูมันเยิ้มเมื่อเวลาผ่านไป

B. สำหรับผิวแห้งและผิวธรรมดา (Dry & Normal Skin)

ผิวที่แห้งขาดน้ำต้องการความชุ่มชื้นเป็นพิเศษ หากใช้รองพื้นแมตต์เกินไปอาจทำให้เกิดการตกร่องและเห็นผิวแห้งเป็นขุยชัดเจน

ฟินิชที่แนะนำ: ดิวอี้ (Dewy), โกลว์ (Glowy) หรือ ซาติน (Satin)
จุดเด่น: รองพื้นเหล่านี้มักมีส่วนผสมบำรุงผิว มอบความชุ่มชื้น และให้ผิวดูอิ่มน้ำ มีมิติ ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์และสุขภาพดีอย่างเป็นธรรมชาติ
สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง: สูตรที่แห้งเร็ว หรือเป็นแป้ง (Powder Foundation) เพราะอาจเน้นให้เห็นริ้วรอยและความแห้งของผิวได้ง่าย

C. ข้อควรระวังสำหรับผิวแพ้ง่าย (Sensitive Skin)

ไม่ว่าจะผิวประเภทใด หากคุณมีผิวแพ้ง่าย หรือเป็นสิวง่าย ควรตรวจสอบส่วนผสมเพิ่มเติม

คำแนะนำ: เลือกรองพื้นที่มีคำว่า Non-comedogenic (ไม่อุดตัน), Dermatologist Tested (ผ่านการทดสอบโดยแพทย์ผิวหนัง) และหลีกเลี่ยงส่วนผสมที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง เช่น น้ำหอม (Fragrance) หรือ แอลกอฮอล์ 

 

2. เลือกเฉดสีที่ตรงกับ "อันเดอร์โทน" (Match the Undertone)

นี่คือขั้นตอนที่ผิดพลาดมากที่สุดในการเลือกรองพื้น เพราะหลายคนพยายามเลือกสีที่ ขาวกว่า ผิวจริงเพื่ออยากให้หน้าสว่าง แต่นั่นจะทำให้หน้าดูเทาหรือลอยเมื่อแสงกระทบ

A. ทำความรู้จักกับอันเดอร์โทน (Undertone)

อันเดอร์โทนคือสีผิวชั้นในที่อยู่ใต้ผิวหนังชั้นนอก ซึ่งแบ่งได้เป็น 3 ประเภทหลัก

อันเดอร์โทนอุ่น (Warm - W)

  • เม็ดสี: โทนเหลืองหรือทองชัดเจน
  • วิธีสังเกตเส้นเลือดที่ข้อมือ: เส้นเลือดมักมีสี เขียว หรือ เขียวอมเหลือง

อันเดอร์โทนเย็น (Cool - C)

  • เม็ดสี: โทนชมพู, แดง, หรือน้ำเงิน
  • วิธีสังเกตเส้นเลือดที่ข้อมือ: เส้นเลือดมักมีสี ม่วง หรือ น้ำเงิน

อันเดอร์โทนธรรมชาติ (Neutral - N)

  • เม็ดสี: มีสีเหลืองและชมพูผสมกันอย่างสมดุล
  • วิธีสังเกตเส้นเลือดที่ข้อมือ: เส้นเลือดมีทั้งสีเขียวและน้ำเงินปนกัน

B. เทคนิคการทดสอบสีรองพื้นที่ถูกต้อง (ฉบับใช้งานได้จริง)

การค้นพบเฉดรองพื้นที่สมบูรณ์แบบคือการทำความเข้าใจว่าแสงและเวลาจะเปลี่ยนสีรองพื้นได้อย่างไร และการทดสอบในจุดที่ใกล้เคียงกับผิวหน้าที่สุดโดยไม่ต้องวุ่นวายกับการลากเส้นสามสี

  • ห้ามทดสอบที่หลังมือ! สีผิวที่หลังมือและใบหน้ามีความแตกต่างกันมาก การทาที่หลังมือจะทำให้คุณตัดสินใจผิดพลาดได้ง่าย
  • จุดที่ควรใช้ทดสอบจริง (ถ้าทำได้) หากคุณสามารถทดสอบได้ ให้ทา บริเวณขอบกราม เป็นจุดที่ดีที่สุด เพราะเป็นจุดที่สีผิวหน้าและลำคอมาบรรจบกัน ทำให้ได้เฉดที่กลมกลืนที่สุด
  • เทคนิคการเทียบสีแบบเร่งด่วน ถ้าไม่สะดวกทาที่กราม ให้แต้มรองพื้นเล็กน้อยที่ โหนกแก้ม หรือ แนวคอ แล้วเกลี่ยให้เนียน
    • เฉดที่ใช่: คือเฉดที่ "หายไป" หรือกลมกลืนกับผิวจนคุณแทบมองไม่เห็น ไม่ว่าจะเป็นตอนที่เกลี่ยแล้วใหม่ๆ หรือผ่านไปสักครู่
    • เฉดที่ต้องเลี่ยง: ถ้าเฉดนั้นทำให้ผิวดู ขาวลอย หรือ อมเทา ทันที นั่นหมายความว่าอันเดอร์โทนหรือความเข้ม-อ่อนไม่ตรงกับผิวคุณ
  • เคล็ดลับการรอให้รองพื้น "เซ็ตตัว" (สำคัญที่สุด) โดยปกติแล้ว รองพื้นส่วนใหญ่อาจมีปฏิกิริยา "Oxidize" (สีเข้มขึ้นเล็กน้อย) เมื่อทำปฏิกิริยากับน้ำมันบนผิวและอากาศ
    • แม้จะรีบแค่ไหนก็ตาม ควรรอให้รองพื้นที่แต้มไว้ อย่างน้อย 1-2 นาที เพื่อให้เห็นการเปลี่ยนแปลงของสีที่แท้จริง ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ

คำแนะนำสำหรับ "นักช้อปออนไลน์" หากคุณไม่สามารถทดสอบสีได้เลย ให้ดู "วิดีโอรีวิว" หรือ "ภาพเปรียบเทียบ (Swatches)" ของเฉดสีนั้นๆ บนผิวของคนที่มีสีผิวและอันเดอร์โทนใกล้เคียงกับคุณมากที่สุด สิ่งนี้จะช่วยลดความเสี่ยงในการเลือกเฉดสีผิดได้มาก

 

3. เลือกความปกปิดที่ตอบโจทย์ (Determine the Coverage Level)

ความปกปิด (Coverage) คือการที่รองพื้นสามารถอำพรางร่องรอย จุดด่างดำ หรือความไม่สม่ำเสมอของสีผิวได้มากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับโอกาสและการใช้งาน

ระดับความปกปิด จุดเด่น และการใช้งานที่เหมาะสม

ปกปิดบางเบา (Sheer/Light)

  • จุดเด่น: เน้นความเป็นธรรมชาติสูงสุด ให้ลุคที่เบา สบายผิว ไม่รู้สึกหนักหน้า
  • การใช้งานที่เหมาะสม: เพียงแค่ปรับสีผิวให้ดูสม่ำเสมอเล็กน้อย สำหรับวันที่ต้องการความสดใสแบบเป็นธรรมชาติ

ปกปิดปานกลาง (Medium)

  • จุดเด่น: เป็นระดับที่ได้รับความนิยมที่สุด สามารถปกปิดรอยแดงหรือรอยสิวเล็กน้อยได้ดี
  • การใช้งานที่เหมาะสม: สามารถเพิ่ม (Build-up) ความปกปิดเฉพาะจุดที่ต้องการได้

ปกปิดสูงสุด (Full Coverage)

  • จุดเด่น: สามารถปกปิดทุกจุดบกพร่องได้อย่างมิดชิด มักมาในสูตรที่มีพิกเมนต์สูง
  • การใช้งานที่เหมาะสม: เหมาะสำหรับโอกาสพิเศษ งานถ่ายภาพ หรือวันที่ต้องการความสมบูรณ์แบบสูงสุด

สรุปและขั้นตอนสุดท้ายก่อนตัดสินใจซื้อ

การเลือกรองพื้นไม่ใช่แค่การเลือกเครื่องสำอาง แต่คือการเลือกรองพื้นที่เป็น "ผิวที่ดีที่สุด" ของคุณเอง เมื่อคุณรู้สภาพผิว รู้จักอันเดอร์โทน และตัดสินใจเรื่องระดับการปกปิดได้แล้ว

สิ่งสุดท้ายที่คุณควรทำคือ ทดลองใช้จริง (Sampling) และ สังเกตในสภาพแสงธรรมชาติ เพื่อให้มั่นใจว่าสีจะไม่ผิดเพี้ยนเมื่อคุณออกไปใช้ชีวิตประจำวัน